บริบทของ BETTR GROUP
อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มกำลังประสบภาวะวิกฤติ ธุรกิจกาแฟในฐานะที่เป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่ผู้คนนิยมดื่มกันอย่างแพร่หลายทั่วโลกกำลังจะหายไป การศึกษาวิจัยได้แสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงในสภาพอากาศจะก่อให้เกิดการผลิตกาแฟที่เข้าขั้นวิกฤติก่อนถึงปี 2050 ในขณะที่ความต้องการดื่มกาแฟที่กำลังเติบโตขึ้นนั้นได้ถูกคุกคามโดยความไม่สมดุลที่กำลังเพิ่มขึ้นมาก ในสายพานการผลิตทั่วไป จึงมีความจำเป็นต้องมองหาทางในการผลิตกาแฟอย่างยั่งยืน เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความไม่สมดุลที่เพิ่มขึ้นทางเศรษฐกิจเหล่านี้ และทำให้เกิดการผลิตกาแฟในภาคเกษตรกรรมที่ยั่งยืนและอยู่ได้ยาวนานมากขึ้น
บริษัทกาแฟแบบพิเศษที่ปลูกเองและได้รับการรับรองโดย B Corp ในประเทศสิงคโปร์ (หนึ่งใน 13 ราย) ที่ชื่อ Bettr Group นั้นกำลังก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมโดยการมอบพลังให้แก่ผู้บริโภคในการแสดงความรับผิดชอบต่อการตัดสินใจซื้อ ในขณะที่จริยธรรมและความรับผิดชอบนั้นคือจุดสูงสุดของความคิดในใจ จากฟาร์มไปจนถึงการชงกาแฟออกมาเป็นแก้วพร้อมดื่มได้เลย
ความท้าทาย
การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาบังคับให้ Bettr ต้องกลับมาประเมินแผนกค้าปลีกของโมเดลทางธุรกิจของตนเองที่ซึ่งทำงานกันอยู่ในสำนักงานและชุมชนการทำงาน เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในทางการเงินและการมอบงานให้แก่บุคลากรวัยรุ่นในโปรแกรมการศึกษาด้านกาแฟขแง Bettr จึงได้เกิดแผน Digitalisation Plan ที่ต้องเร่งดำเนินการโดยเร่งด่วน
Bettr ยังมองหาทางในการนำเอาคู่ค้าทางเทคโนโลยีและดีไซน์ที่สอดคล้องกับคุณค่าทางธุรกิจของตนเอง ซึ่งก็คือ B Corporation ที่ได้รับการรับรองแล้วเพื่อร่วมกันสร้างเส้นทางการเดินทางร่วมกันไปสู่การพัฒนาโซลูชั่นที่รวมศูนย์จนเกิดผลลัพธ์ในเชิงบวกขึ้นมา นั่นคือจุดที่ PALO IT ได้เข้ามามีบทบาท - เราได้ร่วมงานกับ Bettr เพื่อคิดถึงวิสัยทัศน์และเปลี่ยนแปลงไอเดียให้กลายเป็นความจริงขึ้นมาได้
ผลลัพธ์
ด้วยการใช้เทคโนโลยีเพื่อเป็นแม่แบบของโซลูชั่นที่ยั่งยืน PALO IT จึงได้เข้ามาช่วยโครงการจากจุดนี้ ทีมงานได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อวางโครงร่างของ Bettr ecosystem ไปทั่วทั้ง value chain จนสามารถแสวงหาโอกาสในการเจริญเติบโตทั้งในปัจจบันและอนาคต ซึ่งการมีส่วนร่วมต่างๆ นั้นก่อให้เกิดผลดังต่อไปนี้
- การพัฒนาและการนำส่ง MVP สำหรับ Bettr Cloud Bar ซึ่งเป็น subscription and delivery service สำหรับธุรกิจกาแฟที่เน้นผู้ใช้เป็นศูนย์กลางและมีเทคโนโลยีเป็นตัวผลักดัน เรื่องราว User story และโครงสร้างระบบสถาปัตยกรรมแบบเปิดได้ถูกนำมาใช้เพื่อเป็นรากฐานสำหรับโครงการนี้ ซึ่งสามารถทำให้รองรับการเติบโตได้อย่างกว้างขวาง
- เพื่อขีดความสามารถภายใน ด้วยกระบวนการเรียนรู้ของทีมในแบบ Agile methodology และกระบวนการทางด้าน Design Thinking ที่ทั้งหมดช่วยประกอบกันให้กลายเป็นโครงการริ่เริ่มเพื่อก่อให้เกิดผลลัพธ์ในเชิงบวกขึ้นมาได้
ติดต่อเราตอนนี้ เพื่อค้นพบว่าเราสามารถสร้างผลลัพธ์เชิงบวกให้กับองค์กรของคุณได้อย่างไร